ข่าวสารและกิจกรรม
cover

คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) โอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้นำเข้า-ส่งออก

DATE : 7 ก.ค. 2025
VIEW : 4,345

          คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)​ คือ คลังสินค้าที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากร ให้เก็บสินค้า นำเข้าจากต่างประเทศ โดยยังไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในทันที ผู้ประกอบการสามารถนำสินค้าไปเก็บไว้ในคลังนี้ได้ก่อน แล้วค่อยชำระภาษีเมื่อมีการนำสินค้าออกไปจำหน่ายในประเทศ

 

ทำไมคลังสินค้าทัณฑ์บนถึงสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ?

1. เลื่อนการชำระภาษีนำเข้า : ช่วยให้ผู้ประกอบการไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าทันทีเมื่อสินค้าเข้าประเทศ ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น

2. ลดต้นทุนและความเสี่ยง : หากสินค้านั้นนำไปส่งออกต่อ (re-export) ไปยังต่างประเทศ ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าและ VAT ช่วยลดต้นทุนได้มาก

3. บริหารสต็อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ : สามารถเก็บสินค้าไว้ในคลังได้นานตามระยะเวลาที่อนุญาต ทำให้วางแผนการจัดจำหน่ายและผลิตได้ดีขึ้น

4. เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการนำเข้า-ส่งออก : ผู้ประกอบการที่ต้องมีการนำเข้าสินค้าเพื่อนำไปประกอบหรือแปรรูปก่อนส่งออก จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากคลังสินค้าทัณฑ์บน

 

ขั้นตอนการขออนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)

          การตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน ต้องได้รับอนุญาตจาก กรมศุลกากร ก่อน และมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน ก่อนยื่นขออนุญาต ผู้ประกอบการควรตรวจสอบว่า

  • มีสถานที่เก็บสินค้าที่มีความมั่นคง ปลอดภัย และตรวจสอบได้

  • มีระบบบริหารจัดการสินค้า เช่น ระบบบาร์โค้ด, กล้องวงจรปิด (CCTV), รายงานสต็อก

  • มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการใช้คลัง เช่น เก็บสินค้านำเข้าเพื่อรอส่งออก หรือใช้ประกอบการผลิต

  • ยังไม่ใช้สินค้านั้นในประเทศในระหว่างที่อยู่ในคลัง

ขั้นตอนที่ 2 : จัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขออนุญาต เอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่

  • แบบคำขออนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน (ตามแบบของกรมศุลกากร)

  • สำเนาหนังสือรับรองบริษัท + หนังสือบริคณห์สนธิ

  • แผนผังสถานที่ตั้งคลังสินค้า (แสดงตำแหน่ง จุดเข้า-ออก ระบบกล้องวงจรปิด)

  • รายละเอียดระบบควบคุมสินค้าและการรักษาความปลอดภัย

  • รายการสินค้าและประเภทสินค้าที่จะเก็บในคลัง

  • แบบประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (ถ้ามี)

  • สัญญาเช่าสถานที่ (ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของ)

ขั้นตอนที่ 3 : ยื่นคำขอที่กรมศุลกากร

  • ยื่นคำขอที่ สำนักงานศุลกากรพื้นที่ ที่คลังสินค้าตั้งอยู่

  • แนบเอกสารทั้งหมดเพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณา

ขั้นตอนที่ 4 : เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่

  • เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจะเข้าตรวจสอบสถานที่จริง เพื่อตรวจดูความปลอดภัย ระบบบริหารสินค้า การควบคุมทางเข้า-ออก

  • ตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายศุลกากรกำหนด

ขั้นตอนที่ 5 : ออกใบอนุญาต

  • หากสถานที่ผ่านเกณฑ์และเอกสารครบถ้วน จะได้รับ หนังสืออนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน

  • จากนั้น ผู้ประกอบการสามารถเริ่มดำเนินการนำสินค้าเข้าคลังได้ตามขั้นตอนศุลกากร

ขั้นตอนที่ 6 : การดำเนินงานภายหลังได้รับอนุญาต หลังจากเปิดดำเนินการคลังแล้ว ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติดังนี้

  • แจ้งรายการนำเข้าสินค้า : ต้องแจ้งการศุลกากรทุกครั้งที่นำสินค้าเข้าคลัง
  • จัดทำบัญชีสินค้า (Stock Register) : แสดงจำนวนเข้า-ออก, คงเหลือ, วันที่, หมายเลขพัสดุ
  • ส่งรายงานรายเดือน/ไตรมาส : ตามที่กรมศุลกากรกำหนด
  • ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ : เปิดให้ตรวจคลังสินค้าได้ตลอดเวลา
 

หมายเหตุเพิ่มเติม

  • ระยะเวลาการเก็บสินค้าในคลังทัณฑ์บน สูงสุด 2 ปี (ยกเว้นกรณีขอขยาย)

  • หากครบกำหนดแล้วไม่ดำเนินการ เช่น ไม่จ่ายภาษีหรือนำออก อาจถูกยึดและริบ

  • หากต้องการยกเลิกการดำเนินการ ต้องแจ้งกรมศุลกากรล่วงหน้าและจัดการสินค้าคงคลังให้เรียบร้อย

          

ประเภทของคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)

          ตัวอย่างการใช้งานในภาคธุรกิจ คลังสินค้าทัณฑ์บนแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการใช้งานและวัตถุประสงค์ โดยกรมศุลกากรได้กำหนดไว้ชัดเจน ดังนี้

  • คลังเก็บรักษาทั่วไป (General) : เก็บสินค้านำเข้าเพื่อรอชำระอากรหรือส่งออกต่อ ใช้เก็บสินค้าภายใต้การควบคุมศุลกากร ยังไม่ต้องชำระภาษีทันที
  • คลังเฉพาะราย (Private) : เก็บสินค้าของผู้ประกอบการรายเดียว ใช้เฉพาะสินค้าของตนเอง ไม่ให้บริการแก่ผู้อื่น
  • คลังเพื่อการแปรรูป (Manufacturing) : เก็บวัตถุดิบนำเข้าเพื่อแปรรูปหรือผลิต ผลิตสินค้าเพื่อนำกลับออกไปจำหน่ายในหรือต่างประเทศ
  • คลังเพื่อแสดงสินค้า (Exhibition) : เก็บสินค้านำเข้าเพื่อแสดงในงานนิทรรศการหรือกิจกรรมพาณิชย์ สินค้าจัดแสดงโดยไม่ต้องชำระภาษีล่วงหน้า
  • คลังเพื่อส่งออก (Export) : เก็บสินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อรอการส่งออก ช่วยรวบรวมสินค้าเพื่อส่งออก โดยยังไม่ต้องดำเนินพิธีศุลกากรในทันที
  • คลังของรัฐ (Public) : ให้บริการเก็บสินค้านำเข้าภายใต้การควบคุมของรัฐ ดำเนินการโดยรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น ท่าเรือ องค์การคลังสินค้า

          คลังสินค้าทัณฑ์บนในแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์และรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับความต้องการของภาคธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการนำเข้า การผลิต การส่งออก และการจัดแสดงสินค้า การเลือกใช้ประเภทคลังที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้อย่างมีนัยสำคัญ